ทัวร์ต่างประเทศ

Wonderful Turkey Tulip Season

เข้าชม : 709


  • ราคาเริ่มต้น 29,888 บาท
  • ระยะเวลา 8 วัน 6 คืน
  • ช่วงการเดินทาง มีนาคม
  • ชมภายใน สวนดอกทิวลิป อีเมอร์กันพาร์ค สวนสาธารณะที่สวยที่สุด และมีชื่อเสียงที่สุดของตุรกี
  • พระราชวังทอปกาปึ(TOPKAPI PALACE) ที่ได้รับการขึ้นทะเบียนเป็นมรดกโลกจากยูเนสโก
  • ม้าไม้จำลองเมืองทรอย (Troy Wooden House)
  • เมืองโบราณเอฟฟิซุส (EPHESUS) เมืองโบราณที่มีการบำรุงรักษาไว้เป็นอย่างดีเมืองหนึ่ง
  • นครใต้ดิน (UNDERGROUND CITY) ที่ได้รับการขึ้นทะเบียนจากองค์การยูเนสโกเป็นมรดกโลก
  • เมืองเฮียราโพลิส HIERAPOLIS เป็น เมืองโรมันโบราณที่สร้างล้อมรอบบริเวณที่เป็นน้ำพุเกลือแร่ร้อน
  • ปราสาทปุยฝ้าย ผลจากการไหลของน้ำพุเกลือแร่ร้อนนี้ เกิดทัศนียภาพของน้ำตกสีขาวเป็นชั้น ๆหลายชั้น

รายละเอียดของแพ็คเกจ

วันแรก

กรุงเทพ (สุวรรณภูมิ) สนามบินกรุงเคียฟ - สนามบินอิสตันบูล - อิสตันบูล

08.30 น.

คณะพร้อมกัน ณ อาคารผู้โดยสารขาออกระหว่างประเทศ สนามบินสุวรรณภูมิเคาน์เตอร์สายการบิน Ukraine International Airlines พบเจ้าหน้าที่ของบริษัทฯ คอยให้การต้อนรับและอำนวยความสะดวก

 

11.25 น.

ออกเดินทางสู่ ท่าอากาศยานนานาชาติ กรุงเคียฟ ประเทศยูเครน โดยสายการบิน Ukraine International Airlines เที่ยวบินที่ PS272  (มีบริการอาหารและเครื่องดื่มบนเครื่องบิน)

 

17.40 น.

เดินทางถึง ท่าอากาศยานนานาชาติ กรุงเคียฟ ประเทศยูเครน (เพื่อแวะเปลี่ยนเครื่อง)

 

19.30 น.

ออกเดินทางสู่ ท่าอากาศยานนานาชาติ อิสตันบูล ประเทศตุรกี โดยสายการบิน Ukraine International Airlines เที่ยวบินที่ PS715  (มีบริการอาหารและเครื่องดื่มบนเครื่องบิน)

 

21.30 น.

เดินทางถึง ท่าอากาศยานนานาชาติอิสตันบูล ประเทศตุรกี (ตามเวลาท้องถิ่นช้ากว่าเมืองไทยประมาณ 4 ชั่วโมง) หลังผ่านขั้นตอนการตรวจหนังสือเดินทาง และตรวจรับสัมภาระเรียบร้อยแล้ว

 

พักที่ GOLDEN WAY HOTEL ISTANBUL 4 Star**** หรือเทียบเท่า

 

วันที่ 2

อิสตันบูล - สุเหร่าสีน้ำเงิน - ฮิปโปโดรม - พระราชวังทอปกาปึ - สวนดอกทิวลิป - อีเมอร์กัน พาร์ค - เมืองชานัคคาเล่

เช้า รับประทานอาหารเช้า ณ โรงแรม

              นำทุกท่านชม สุเหร่าสีน้ำเงิน (BLUE MOSQUE) หรือ SULTAN AHMET MOSQUE ถือเป็นสุเหร่าที่มีสถาปัตยกรรมเป็นสุดยอดของ 2 จักรวรรดิ คือ ออตโตมันและไบเซนไทน์ เพราะได้รวบรวมเอาองค์ประกอบจากวิหารเซนต์โซเฟียผนวกกับสถาปัตยกรรมแบบอิสลามดั้งเดิม ถือว่าเป็นมัสยิดที่ใหญ่ที่สุดในตุรกี สามารถจุคนได้เรือนแสน ใช้เวลาในการก่อสร้างนานถึง 7 ปี ระหว่าง ค.ศ.1609-1616 โดยตั้งชื่อตามสุลต่านผู้สร้างซึ่งก็คือ Sultan Ahmed นั่นเอง

              จากนั้น นำทุกท่านสู่ จัตุรัสสุลต่านอะห์เมตหรือฮิปโปโดรม (HIPPODROME) สนามแข่งม้าของชาวโรมันจุดศูนย์กลางแห่งการท่องเที่ยวเมืองเก่า สร้างขึ้นในสมัยจักรพรรดิ เซปติมิอุสเซเวรุสเพื่อใช้เป็นที่แสดงกิจกรรมต่าง ๆ ของชาวเมือง ต่อมาในสมัยของจักรพรรดิคอนสแตนตินฮิปโปโดรมได้รับการขยายให้กว้างขึ้นตรงกลางเป็นที่ตั้งแสดงประติมากรรมต่าง ๆซึ่งส่วนใหญ่เป็นศิลปะในยุคกรีกโบราณในสมัยออตโตมันสถานที่แห่งนี้ ใช้เป็นที่จัดงานพิธีแต่ในปัจจุบันเหลือเพียงพื้นที่ลานด้านหน้ามัสยิดสุลต่านอะห์เมตซึ่งเป็นที่ตั้งของเสาโอเบลิกส์ 3 ต้น คือเสาที่สร้างในอียิปต์เพื่อถวายแก่ฟาโรห์ทุตโมซิสที่ 3 ถูกนำกลับมาไว้ที่อิสตันบูลเสาต้นที่สอง คือ เสางู และเสาต้นที่สาม คือเสาคอนสแตนตินที่ 7

เที่ยง รับประทานอาหารกลางวัน ณ ภัตตาคาร

              จากนั้น นำทุกท่านชม พระราชวังทอปกาปี (TOPKAPI PALACE) ตั้งอยู่ในเขตเมืองเก่าซึ่งถือเป็นเขตประวัติศาสตร์ที่ได้รับการขึ้นทะเบียนเป็นมรดกโลกจากยูเนสโกตั้งแต่ปี ค.ศ. 1985 พระราชวังทอปกาปึสร้างขึ้นโดยสุลต่านเมห์เมตที่ 2 ในปี ค.ศ.1459 บนพื้นที่กว้างใหญ่ถึง 4 ลานกว้าง และมีอาคารขนาดเล็กอีกจำนวนมาก ณ จุดที่สร้างพระราชวังแห่งนี้ สามารถมองเห็นช่องแคบบอสฟอรัสโกลเดนฮอร์นและทะเลมาร์มาร่าได้อย่างชัดเจน ในช่วงที่เจริญสูงสุดของอาณาจักรออตโตมัน พระราชวังแห่งนี้ มีราชวงศ์และข้าราชบริพารอาศัยอยู่รวมกันมากถึงสี่พันกว่าคนน าท่านเข้าชมส่วนของท้องพระโรงที่เป็นที่จัดแสดงทรัพย์สมบัติข้าวของเครื่องใช้ส่วนพระองค์เครื่องเงินต่าง ๆ มากมาย

**พิเศษช่วงเดือน เมษายน เดือนเดียวเท่านั้น** นำท่านเข้าชมภายใน สวนดอกทิวลิปอีเมอร์กันพาร์ค สวนสาธารณะที่สวยที่สุด และมีชื่อเสียงที่สุดของตุรกีโดยที่ตลอดเดือน เมษายน เดือนเดียวเท่านั้นของทุกปี สวนสาธารณะแห่งนี้ จะใช้เป็น สถานที่จัดงาน เทศกาลดอกทิวลิป Tulip Festival 2019 โดยแท้จริงแล้ว ประเทศตุรกี เป็นต้นกำเนิดดอกทิวลิปของโลก คนส่วนใหญ่จะเขาใจผิดว่าเป็น ประเทศเนเธอร์แลนด์ให้ท่านได้อิสระกับการถ่ายภาพดอกทิวลิปหลากสีหลายสายพันธุ์นับเป็นล้าน ๆ ดอก ได้ตามอัธยาศัย

จากนั้นนำท่านสู่ เมืองชานัคคาเล่ (Canakkale) ใช้เวลาเดินทางประมาณ 4.30 ชม.

เย็น รับประทานอาหารค่ำ ณ ห้องอาหารของโรงแรม

นำท่านเข้าสู่ที่พัก CANAKKALE KOLIN HOTEL 4 Star**** หรือระดับใกล้เคียง

วันที่ 3

เมืองชานัคคาเล่ - ม้าไม้จำลองเมืองทรอย - เมืองเปอร์กามัม - วิหารเทพีอาร์เทมิสโบราณ - ร้านขนมTurkish Delight - เมืองคูซาดาซี

เช้า รับประทานอาหารเช้า ณ โรงแรม

              นำท่านแวะถ่ายรูปเพื่อชม ม้าไม้จำลองเมืองทรอย (Troy Wooden House) เป็นสาเหตุที่ทำให้กรุงทรอยแตกสงครามม้าไม้เป็นสงครามที่สำคัญตำนานของกรีกและเป็นสงครามระหว่างกองทัพของชาวกรีกและกรุงทรอยหลังจากสู้รบกันเป็นเวลาสิบปีกองทัพกรีกได้คิดแผนการที่จะตีกรุงทรอย โดยทหารกรีกได้เข้าไปซ่อนตัวอยู่ในม้าโทรจันแล้วก็ทำการเข็นไปไว้หน้ากรุงทรอยเหมือนเป็นของขวัญและสัญลักษณ์ว่าชาวกรีกยอมแพ้สงครามและได้ถอยทัพออกห่างจากเมืองทรอย ชาวทรอยเมื่อเห็นม้าโทรจันก็ต่างยินดีว่ากองทัพกรีกได้ถอยทัพไปแล้วก็ทำการเข็นม้าโทรจันเข้ามาในเมืองแล้วทำการเฉลิมฉลองเป็นการใหญ่เมื่อชาวทรอยนอนหลับกันหมด ทหารกรีกที่ซ่อนตัวอยู่ก็ออกมาจากม้าโทรจันแล้วเปิดประตูเมืองให้กองทัพกรีกเข้ามาในเมือง จนสามารถยึดเมืองทรอยได้ ก่อนที่จะทำการเผาเมืองทรอยทิ้ง

 

เที่ยง รับประทานอาหารกลางวัน ณ ภัตตาคาร

              นำท่านออกเดินทางสู่ เมืองคูซาดาซี(KUSADASI) (ระยะทาง 199 กิโลเมตร ใช้เวลาเดินทางประมาณ 3.20 ชั่วโมง) เป็นเมืองท่าที่สำคัญทางการค้าอีกเมืองหนึ่งของตุรกีที่เป็น สถานที่ตั้งของโบราณสถานที่สำคัญสิ่งมหัศจรรย์ยุคโบราณ จากนั้นนำท่านชม วิหารเทพีอาร์เทมิสโบราณ (THE TEMPLE OF ARTEMIS) 1 ใน 7 สิ่งมหัศจรรย์ยุคโบราณ ที่ปัจจุบันเหลือเพียงซากปรักหักพัง แต่ก็ยังสามารถมองเห็นถึงความยิ่งใหญ่ในอดีตได้   และแวะถ่ายรูป โบสถ์นักบุญเซนต์ จอห์น (ST. JOHN CASTLE) สาวกของพระเยซูคริสต์ที่ออกเดินทางเผยแพร่ศาสนาไปทั่วดินแดนอนาโตเลียหรือประเทศตุรกีในปัจจุบัน จากนั้นนำท่านแวะถ่ายรูป มัสยิดอิสอิสเป็นหนึ่งในตัวอย่างที่ดีและสำคัญที่สุด นอกจากนี้ มัสยิดแห่งนี้ ยังเป็นที่ประทับของมัสยิดเมยยาดในดามัสกัส มัสยิด Isa bey ก่อตั้งขึ้นบนเนินเขาตะวันตกของเขา Ayasuluk ที่มองเห็นพื้นที่และมี harem ขนาดใหญ่ที่มีสอง naves และประกอบด้วยลานขนาดใหญ่ จากนั้นนำท่านซื้อขอฝากตามอัธยาศัย ร้านขนม (TURKISH DELIGHT) ของฝากขึ้นชื่อของประเทศตุรกี

เย็น รับประทานอาหารค่ำ ณ ห้องอาหารของโรงแรม   

ที่พัก KUSADASI CHARIMA HOTEL 4 Star**** หรือระดับใกล้เคียง

วันที่ 4

 เมืองคูซาดาซี - เมืองโบราณเอฟฟิซุส - บ้านพระแม่มารี - ปามุคคาเล่ปราสาทปุยฝ้ายเมืองเฮียราโพลิส - เมืองปามุคคาเล

เช้า รับประทานอาหารเช้า ณ โรงแรม

นำท่านเดินทางชม โรงงานเครื่องหนัง ซึ่งเป็นโรงงานผลิตเครื่องหนังขั้นหลากหลาย ให้ทุกท่านได้ทดลองการเป็นนายแบบและนางแบบเสื้อหนังต่าง ๆ ตามอัธยาศัย จากนั้นนำทุกท่านเดินทางสู่ เมืองโบราณเอฟฟิซุส (EPHESUS) เมืองโบราณที่มีการบำรุงรักษาไว้เป็นอย่างดีเมืองหนึ่ง เคยเป็นที่อยู่ของชาวโยนก (Ionia) จากกรีก ซึ่งอพยพเข้ามาปักหลักสร้างเมือง ซึ่งรุ่งเรืองขึ้นในศตวรรษที่ 6 ก่อนคริสต์กาล ต่อมาถูกรุกรานเข้ายึดครองโดยพวกเปอร์เซียและกษัตริย์อเล็กซานเดอร์มหาราช ภายหลังเมื่อโรมันเข้าครอบครองก็ได้สถาปนาเอฟฟิซุส ขึ้นเป็นเมืองหลวงต่างจังหวัดของโรมัน นำท่านเดินบนถนนหินอ่อนผ่านใจกลางเมืองเก่าที่สองข้างทางเต็มไปด้วยซากสิ่งก่อสร้างเมื่อสมัย 2,000 ปี ที่แล้ว ไม่ว่าจะเป็นโรงละครกลางแจ้งที่สามารถจุผู้ชมได้กว่า 30,000 คน ซึ่งยังคงใช้งานได้จนถึงปัจจุบันนี้ นำท่านชม ห้องอาบน้ำแบบโรมันโบราณ (ROMAN BATH) ที่ยังคงเหลือร่องรอยของห้องอบไอน้ำให้เห็นอยู่จนถึงทุกวันนี้ ห้องสมุดโบราณที่มีวิธีการเก็บรักษาหนังสือไว้ได้เป็นอย่างดีทุกสิ่งทุกอย่างล้วนเป็นศิลปะแบบ เฮเลนนิสติคที่มีความอ่อนหวานและฝีมือประณีต

นำท่านชม บ้านพระแม่มารี (HOUSE OF VIRGIN MARY) ซึ่งเชื่อกันว่าเป็นที่สุดท้ายที่พระแม่มารีมาอาศัยอยู่และสิ้นพระชนม์ในบ้างหลังนี้ ถูกค้นพบอย่าปาฏิหาริย์ โดยแม่ชีตาบอดชาวเยอรมัน ชื่อ แอนนาแคเทอรีน เอมเมอริช Anna Catherine Emmerich เมื่อปี ค.ศ. 1774-1824 ได้เขียนบรรยายสถานที่ไว้ในหนังสืออย่างละเอียดราวกับเห็นด้วยตาตนเอง เมื่อเธอเสียชีวิตลง มีคนพยายามสืบเสาะค้นหาบ้านหลังนี้ จนพบในปี ค.ศ. 1891 ปัจจุบันบ้านพระแม่มารีได้รับการบูรณะเป็นบ้านอิฐชั้นเดียว ภายในมีรูปปั้นของพระแม่มารี ซึ่งพระสันตปาปา โป๊ป เบเนดิกส์ที่ 6 ได้เคยเสด็จเยือนที่นี่ บริเวณด้านนอกของบ้านมีก๊อกน้ำสามก๊อกที่มีความเชื่อว่าเป็นก๊อกน้ำที่มีความศักดิ์สิทธิ์แทนความเชื่อในเรื่องสุขภาพ ความร่ำรวย และความรัก ถัดจากก๊อกน้ำเป็น กำแพงอธิษฐาน ซึ่งมีความเชื่อว่าหากต้องการให้สิ่งที่ปรารถนาเป็นความจริงให้เขียนลงในผ้าฝ้ายแล้วนำไปผูกไว้แล้วอธิษฐาน จากนั้น นำท่านเข้า ชมโรงงานทอพรม สิ่งทำขึ้นชื่อของประเทศตุรกี เป็นพรมทำมือสามารถเลือกชมเลือกซื้อได้ตามอัธยาศัย

เที่ยง  รับประทานอาหารกลางวัน ณ ภัตตาคาร

หลังจากนั้นนำทุกท่านเดินทางสู่ เมืองปามุคคาเล่ (PAMUKKALE) ใช้เวลาเดินทาง 3 ชั่วโมง (189 กิโลเมตร) เมืองที่มีน้ำพุเกลือแร่ร้อนไหลทะลุขึ้นมาจากใต้ดินผ่าน  ซากปรักหักพังของเมืองเก่าแก่สมัยกรีกก่อนที่ไหลลงสู่หน้าผา นำท่านชม ปราสาทปุยฝ้าย ผลจากการไหลของน้ำพุเกลือแร่ร้อนนี้ ได้ก่อให้เกิดทัศนียภาพของน้ำตกสีขาวเป็นชั้น ๆ หลายชั้นและผลจากการแข็งตัวของแคลเซียมทำให้เกิดเป็นแก่งหินสีขาวราวหิมะขวางทางน้ำเป็นทางยาว ซึ่งมีความงดงามมากท่านจะได้สัมผัส เมืองเฮียราโพลิส HIERAPOLIS เป็นเมืองโรมันโบราณที่สร้างล้อมรอบบริเวณที่เป็นน้ำพุเกลือแร่ร้อนซึ่งเชื่อกันว่ามีสรรพคุณในการรักษาโรคเมื่อเวลาผ่านไปภัยธรรมชาติได้ทำให้เมืองนี้ เกิดการพังทลายลงเหลือเพียงซากปรักหักพังกระจายอยู่ทั่วไปบางส่วนยังพอมองออกว่าเดิมเคยเป็นอะไรเช่นโรงละครแอมฟ เธียร์เตอร์ขนาดใหญ่วหารอพอลโล สุสานโรมันโบราณ เป็นต้น จากนั้นนำท่านเข้า ชมโรงงานคอตตอน สามารถเลือกซื้อของฝาก  เช่น ผ้าพันคอ ผ้าปูที่นอน เสื้อผ้า เป็นต้น เป็นสินค้าที่ผลิตด้วยคอตตอน 100%

 

เย็น รับประทานอาหารค่ำ ณ ห้องอาหารของโรงแรม

ที่พัก PAMUKKALE NINOVA THERMAL HOTEL 4 Star**** หรือระดับใกล้เคียง

 

วันที่ 5

เมืองปามุคคาเล่ - เมืองคอนย่า - พิพิธภัณฑ์เมฟลาน่า - คัปปาโดเกียระบำหน้าท้อง

เช้า รับประทานอาหารเช้า ณ โรงแรม

นำท่านเดินทางสู่ เมืองคอนย่า (KONYA) ซึ่งเคยเป็นเมืองหลวงของอาณาจักรเซลจุก ระยะทาง 387 กิโลเมตร ใช้เวลาเดินทางประมาณ 4 ชั่วโมง

เที่ยง รับประทานอาหารกลางวัน ณ ภัตตาคาร

นำทุกท่านสู่ พิพิธภัณฑ์เมฟลาน่า (MEVLANA MUSEUM) เดิมเป็นสถานที่นักบวช ในศาสนาอิสลามทำสมาธิโดยการเดินหมุนเป็นวงกลมขณะฟังเสียงขลุ่ย ส่วนหนึ่งของพิพิธภัณฑ์เป็นสุสานของเมฟลาน่า เจลาลุคดิน รูมี่ อาจารย์ทางปรัชญาประจำราชสำนักแห่งสุลต่านอาเลดิน เคย์โคบาท ภายนอกเป็นหอทรงกระบอกปลายแหลมสีเขียวสดใส ภายในประดับฝาผนังแบบมุสลิม และยังเป็นสุสานสำหรับผู้ติดตามสานุศิษย์บิดา และบุตรของเมฟลาน่าด้วย จากนั้นเดินทางสู่ เมืองคัปปาโดเกีย (CAPPADOCIA) ระยะทาง 215 กิโลเมตร ใช้เวลาเดินทางประมาณ 2 ชั่วโมง 30 นาที ระหว่างทาง แวะถ่ายรูป CARAVANSARAI ที่พักของกองคาราวานในสมัยโบราณ เป็นสถานที่พักแรมของกองคาราวานตามเส้นทางสายไหมและชาวเติร์กสมัยออตโตมัน

เย็น รับประทานอาหารค่ำ ณ ห้องอาหารของโรงแรม

จากนั้นนำท่านชมการแสดงพื้นเมือง “ระบำหน้าท้อง” หรือ Belly Dance เป็นการเต้นรำที่เก่าแก่อย่างหนึ่งเกิดขึ้นมาเมื่อประมาณ 6000 ปี ในดินแดนแถบอียิปต์ และเมดิเตอร์ เรเนียนนักประวัติศาสตร์เชื่อกันว่าชนเผ่ายิปซีเร่ร่อนคือคนกลุ่มสำคัญที่ได้อนุรักษ์ระบำ หน้าท้องให้มีมาจนถึงปัจจุบัน และการเดินทางของชาวยิปซีทำให้ระบำหน้าท้องแพร่หลายมีการพัฒนาจนกลายเป็นศิลปะที่โดดเด่น สวยงามจนกลายมาเป็นระบำหน้าท้องตุรกีในปัจจุบัน (บริการเครื่องดื่มฟรีตลอดการแสดง)

 

ที่พัก CAPPADOCIA HOTEL 4 Star**** หรือระดับใกล้เคียง

วันที่ 6

คัปปาโดเกีย - นครใต้ดิน - เมืองเกอเรเม - พิพิธภัณฑ์กลางแจ้ง - หุบเขาอุซิซาร์ - เมืองอังการ่า

​​​​​​** สำหรับท่านใดที่สนใจขึ้นบอลลูน ชมความงามของเมืองคัปปาโดเจีย จะต้องออกจากโรงแรม 05.30 น.เพื่อชมความงดงามของเมืองคัปปาโดเจียในอีกมุมหนึ่งที่หาชมได้ยาก ใช้เวลาอยู่บอลลูนประมาณ 1 ชั่วโมง **(ค่าขึ้นบอลลูน ไม่ได้รวมอยู่ในค่าทัวร์ประมาณ 240-250 USD)

เช้า รับประทานอาหารเช้า ณ โรงแรม

จากนั้นนำทุกท่านสู่ นครใต้ดิน (UNDERGROUND CITY) ที่ได้รับการขึ้นทะเบียนจากองค์การยูเนสโกเป็นมรดกโลก เมืองใต้ดินของตุรกีมีอยู่หลายแห่ง แต่ละแห่งมีอุโมงค์เชื่อมต่อถึงกันเป็นสถานที่ที่ผู้นับถือศาสนาคริสต์ใช้หลบภัยชาวโรมันที่ต้องการทำลายร้างพวกนับถือศาสนาคริสต์เมืองใต้ดินที่มีขนาดใหญ่แต่ละชั้นมีความกว้างและสูงขนาดเท่าเรายืนได้ ทำเป็นห้อง ๆ มีทั้งห้องครัวห้องหมักไวน์ มีโบสถ์ ห้องโถงสำหรับใช้ประชุม มีบ่อน้ำและระบบระบายอากาศที่ดี แต่อากาศค่อนข้างบางเบาเพราะอยู่ลึกและทางเดินบางช่วงค่อนข้างแคบจนเดินสวนกันไม่ได้

เที่ยง รับประทานอาหารกลางวัน ณ ภัตตาคาร

นำทุกท่านเยี่ยมชม พิพิธภัณฑ์กลางแจ้ง เมืองเกอเรเม (GOREME MUSEUM) ซึ่งยูเนสโกขึ้นทะเบียนเป็นมรดกโลกพิพิธภัณฑ์กลางแจ้งซึ่งเป็นศูนย์กลางของศาสนาคริสต์ในช่วง ค.ศ. 9 ซึ่งเป็นความคิดของชาวคริสต์ที่ต้องการเผยแพร่ศาสนาโดยการขุดถ้าเป็นจำนวนมากเพื่อสร้างโบสถ์ และยังเป็นการป้องกันการรุกรานของชนเผ่าลัทธิอื่นที่ ไม่เห็นด้วยกับศาสนาคริสต์ จากนั้น นำท่านชม หุบเขาอุซิซาร์ (UCHISAR VALLEY)  หุบเขาคล้ายจอมปลวกขนาดใหญ่ ใช้เป็นที่อยู่อาศัย ซึ่งหุบเขาดังกล่าวมีรูพรุน มีรอยเจาะ รอยขุด อันเกิดจากฝีมือมนุษย์ไปเกือบทั่วทั้งภูเขา เพื่อเอาไว้เป็นที่อาศัย และถ้ามองดี ๆ จะรู้ว่าอุซิซาร์ คือ บริเวณที่สูงที่สุดของบริเวณโดยรอบ ดังนั้นในอดีตอุซิซาร์ก็มีไว้ทำหน้าที่เป็นป้อมปราการที่เกิดขึ้นเองตามธรรมชาติเอาไว้สอดส่องข้าศึกยามมีภัยอีกด้วยจากนั้นนำท่านแวะ ชมโรงงานจิวเวอร์รี่และโรงงานเซรามิค อิสระกับการเลือกซื้อสินค้าและของที่ระลึก

จากนั้น เดินทางสู่ เมืองอังการ่า (ANKARA) เมืองหลวงของประเทศตุรกี ใช้เวลาเดินทางประมาณ 4 ชั่วโมง ระหว่างทางนำท่านได้ชมวิวของ ทะเลสาบเกลือ(SALT LAKE)  นำทุกท่านเดินทางต่อสู่ เมืองอังการ่า (ANKARA) หรือที่มีชื่อตามประวัติศาสตร์ว่า ANGORA เป็นเมืองหลวงของตุรกีในปัจจุบันและเป็นเมืองใหญ่อันดับ 2 รองจากนครอิสตันบูล กรุงอังการาตั้งอยู่ในเขต Central Anatolia ใจกลางประเทศตุรกีบนที่ราบสูงอนาโตเลีย โดยอยู่ห่างจากนครอิสตันบูลทางทิศตะวันออกเฉียงใต้เป็นระยะทางประมาณ 450 กิโลเมตร กรุงอังการาเป็นที่ตั้งของรัฐบาลกลาง ส่วนราชการต่าง ๆ และสถานเอกอัครราชทูตประเทศต่าง ๆ ในตุรกี ความสำคัญของกรุงอังการา มีประชากรจำนวน 4,965,542 คน ทำให้กรุงอังการาเป็นเมืองที่มีประชากรมากเป็นอันดับ 2 ของตุรกี และอันดับ 2 ในกลุ่มเมืองหลวงยุโรป ในขณะที่นครอิสตันบูลเป็นศูนย์กลางทางเศรษฐกิจในภูมิภาคมาร์มารานั้น กรุงอังการาก็เป็นศูนย์กลางทางการค้าและเครือข่ายคมนาคมในภูมิภาคอนาโตเลีย โดยเป็นจุดตัดของการคมนาคมทางบก (รถยนต์และรถไฟ) ที่เชื่อมโยงภูมิภาคต่าง ๆ ของตุรกีเข้าด้วยกัน และเป็นศูนย์กลางตลาดสินค้าเกษตรที่ขนส่งมาจากภาคต่าง ๆ ทั่วตุรกีด้วย

เย็น รับประทานอาหารค่ำ ณ ห้องอาหารของโรงแรม

ทีงพัก ANKARA BERA HOTEL 4 Star**** หรือระดับใกล้เคียง

วันที่ 7

กรุงอังการ่า - สุสานอตาเติร์ก - สนามบินอังการ่า - เมืองเคียฟ

เช้า รับประทานอาหารเช้า ณ โรงแรม

นำท่านเดินทางสู่ สุสานอตาเติร์ก (Ataturk Mausoleum) เป็นอนุสรณ์สถานและสุสานของ Mustafa Kemal Ataturk ซึ่งเป็นผู้นำในสงครามกู้อิสรภาพของตุรกีหลังสงครามโลกครั้งที่ 1 ผู้ก่อตั้งสาธารณรัฐตุรกีและประธานาธิบดีคนแรก เป็นสุสานของ Ismet Innonu ประธานาธิบดีคนที่ 2 ของตุรกีด้วย สุสานออกแบบโดยสถาปนิกชาวตุรกี สร้างขึ้นระหว่างปี ค.ศ. 1944-1953 ในธนบัตรตุรกีที่พิมพ์ระหว่างปี 1966-1987และ 1999-2009 จะเป็นรูป Anitkabir ด้วย

นำท่านเดินทางสู่ ท่าอากาศยานนานาชาติอังการ่า ประเทศตุรกี

16.15 น.

ออกเดินทางสู่ ท่าอากาศยานนานาชาติ กรุงเคียฟ ประเทศยูเครน โดยสายการบิน Ukraine International Airlines เที่ยวบินที่ PS722  (มีบริการอาหารและเครื่องดื่มบนเครื่องบิน)

18.20 น.

เดินทางถึง ท่าอากาศยานนานาชาติ กรุงเคียฟ ประเทศยูเครน (เพื่อแวะเปลี่ยนเครื่อง)

20.15 น.

ออกเดินทางสู่ ท่าอากาศยานนานาชาติสุวรรณภูมิ ประเทศไทย โดยสายการบิน Ukraine International Airlines เที่ยวบินที่ PS271 (มีบริการอาหารและเครื่องดื่มบนเครื่องบิน)

วันที่ 8

กรุงเทพ(สุวรรณภูมิ)

09.45 น.    เดินทางถึง สนามบินสุวรรณภูมิ โดยสวัสดิภาพ

 

หน่วยงานที่เกี่ยวข้อง